Daily Archives: 2018-10-30

วิธีการเลือกขนาดรองเท้าเด็กง่ายๆและใช้งานได้ดี

รองเท้าเด็ก อะไรที่อาจจะมีความสุขมากกว่าการเฝ้าดูลูกน้อยของคุณในขั้นตอนแรกของเขา? เมื่อเด็กโตช้าคุณจะรู้ได้ว่ารองเท้านุ่มและสบายมีบทบาทสำคัญในการปกป้องเท้าที่นุ่มนวลจากอันตรายทุกประเภท คุณสามารถหารองเท้าน่ารักได้หลากหลายรูปแบบสีและขนาดต่างๆ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงเด็กวัยหัดเดินมีรองเท้าน่ารักสำหรับทุกเพศทุกวัย เท้าของทารกเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสามปีแรกดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่จะต้องรู้ขนาดเท้าขวาของลูกน้อย

เลือกขนาดของรองเท้าเด็กที่เหมาะสม

ขอแนะนำให้วัดเท้าทารกทุกๆ 2 เดือนเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะซื้อรองเท้าเด็กคู่น่ารักสำหรับลูกน้อยของคุณ เมื่อพูดถึงขนาดรองเท้าทารกผู้ผลิตแต่ละรายจะปฏิบัติตามแนวทางที่แตกต่างกัน เปลเด็กทารกเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับทารกแรกคลอดที่ทารกแรกคลอด 6 เดือน หรือที่เรียกว่ารองเท้าเด็กทารกความยาวของรองเท้าเหล่านี้ควรยาว 4 นิ้วและกว้าง 2 นิ้ว

สำหรับรองเท้า 3-6 เดือนรองเท้า 4.5 นิ้วและ 2.25 นิ้วก็เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ ขนาดรองเท้าเด็กแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ทารกในสหรัฐฯอาจใช้รองเท้าขนาด 2 นิ้วในขณะที่สหภาพยุโรปมีขนาด 17.5

สำหรับรองเท้าที่มีอายุ 6-12 เดือนรองเท้าที่มีความยาวต้องมีความยาว 5 นิ้วและต้องกว้าง 2.5 นิ้ว รองเท้าเด็กน่ารักเหล่านี้เหมาะสำหรับการคลานเด็กทารก รองเท้าเหล่านี้มีขนาดเท่ากับ 5 ในสหรัฐฯและมีขนาด 20 ในสหภาพยุโรป

ต่อมามีขนาด 12 ถึง 18 เดือน รองเท้าเหล่านี้ยังเป็นที่รู้จักกันในนามรองเท้าเดินหรือรองเท้าเด็กวัยอ่อนและมีขนาดเทียบเท่ากับสหรัฐอเมริกา 7 และเทียบเท่ากับสหภาพยุโรปขนาด 23. รองเท้าเดินเท้ามีความยาว 5.5 นิ้วและกว้าง 2.75 นิ้ว

สำหรับทารกที่อายุ 18-24 เดือนขนาดที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 8 ในสหรัฐอเมริกาและ 24 ในสหภาพยุโรป

อีกสิ่งหนึ่งเกี่ยวกับรองเท้าเด็กอ่อนนุ่มๆ คือหลายคนเชื่อว่าพวกเขาเป็นเพียงสำหรับ pre-walkers ซึ่งไม่เป็นความจริง ทารกที่เดินก่อนวัยควรสวมรองเท้าคู่นุ่มๆ แต่ทารกและเด็กวัยหัดเดินที่กำลังเรียนรู้การเดินควรสวมใส่ด้วยเช่นกัน ในความเป็นจริงเด็กทารกและเด็กวัยหัดเดินควรใส่รองเท้าแตะนุ่ม ๆ อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือนหลังจากที่พวกเขาเริ่มเรียนรู้การเดิน นั่นคือคำแนะนำของกุมารแพทย์ที่ฉันให้ลูกสาวของฉัน ลูกสาวของฉันเป็นคนเดินเร็ว (9 เดือน) แต่ฉันยังคงใช้รองเท้าแตะนุ่ม ๆ กับเธอจนกระทั่งอายุ 18 เดือนถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้เดินขบวนที่มั่นใจมากเมื่ออายุ 12 เดือน ดังนั้นลูกสาวของฉันจริงๆสวมรองเท้าเด็กอ่อนนุ่มเพียงเก้าเดือน ฉันอยากจะแนะนำให้รองเท้าส้นสูงที่เท้าของลูกน้อยให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พวกเขาไม่ต้องการให้พวกเขาสนับสนุนเท้าเล็ก ๆ ของพวกเขา เว้นแต่คุณจะได้รับคำแนะนำจากกุมารแพทย์หรือผู้วินิจฉัยโรค

ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ

กระแสปรองดองกำลังมาแรง แต่สังคมบ้านเรา ไม่ได้มีเฉพาะการเมืองเท่านั้นที่แบ่งแยก…วงการคนจน คนเกษตรไม่ต่างกัน มีการแบ่งเป็น 2 ฟาก

ฝ่ายหนึ่งสุดโต่งทำเกษตรแบบไม่แตะต้องเคมี เพราะคิดว่า พืชอินทรีย์ไม่ต้องไปซื้อหาปุ๋ย ต้นทุนเลยต่ำ ความเสี่ยงน้อย ผลผลิตปลอดภัยมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูง ไม่มีสารพิษตกค้างในผลผลิต โรคแมลงน้อย…อีกฝ่ายไม่ใช้อินทรีย์ คิดเอาเองอีกว่า เคมีคือยาวิเศษต้นไม้โตดี เพิ่มผลผลิต แถมป้องกันศัตรูพืชได้ เลยใช้ไม่บันยะบันยัง ต้นทุนจมไปกับค่าปุ๋ย ผลผลิตที่คิดว่าจะได้ดี กลับไม่ดีคุ้มค่าที่จ่ายไป เพราะใช้ผิดที่ ผิดเวลา ผิดชนิด และใช้มากเกินความจำเป็น

ไปๆ มาๆ เราทำเกษตรมากี่ปี จนยกตนว่าเก่งเรื่องปลูกกว่าใครๆ คิดจะเป็นครัวของโลก แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้ปุ๋ยไม่เป็นกัน

“ปุ๋ยอินทรีย์มีสรรพคุณช่วยปรับสภาพดินโดยตรง ให้คาร์บอนอินทรีย์ อาหารหลักของจุลินทรีย์ ช่วยเพิ่มธาตุอาหารทุกธาตุที่พืชต้องใช้ แต่กว่าจะย่อยสลายให้พืชดูดไปใช้งานได้ ต้องใช้เวลานาน ฉะนั้นจึงเหมาะที่จะใช้ในขั้นตอนการเตรียมดินปลูกพืช จากนั้นค่อยใช้ปุ๋ยเคมี ที่มีธาตุอาหารสูง เพื่อเข้าไปช่วยย่อยสลายปุ๋ยอินทรีย์ เพราะปุ๋ยเคมีมียูเรียช่วยกระตุ้นให้เกิดการย่อยสลายได้เร็วขึ้น”

ศ.เกียรติคุณ ดร.อำนาจ สุวรรณฤทธิ์ คณะเกษตร มหา วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทบทวนความรู้เรื่องปุ๋ยให้ฟัง

คลิก: http://plantest.net/admin/12/สิ่งที่คุณจะได้รับจากก/บริการ/2018/

แต่ถ้าเราแบ่งแยกข้าง เลือกใช้แต่ปุ๋ยชนิดใดชนิดหนึ่ง…จะเกิดอะไรขึ้น

จากงานวิจัย ถ้าใช้แต่ปุ๋ยอินทรีย์ ต้นทุนจะสูง เพราะปุ๋ยอินทรีย์ 8-70 กก. จึงจะเท่ากับใช้ปุ๋ยเคมี 1 กก. และพืชจะเสี่ยงโรคแมลงรบกวน เนื่องจากเราไม่สามารถปรับให้ปุ๋ยอินทรีย์มีฟอสฟอรัส (P) ในระดับที่ช่วยให้พืชต้านทานโรคแมลงได้ เพราะปุ๋ยอินทรีย์ส่วนใหญ่มีฟอสฟอรัสน้อย (ยกเว้นขี้ค้างคาว) พืชเลยขาดเกราะป้องกันโรคแมลง

นอกจากนั้นยังไม่สามารถเติมธาตุอาหารเพื่อปรับแต่งรสชาติของพืช สุดท้ายส่งผลให้คุณภาพลดต่ำลง…พืชผลอินทรีย์ ไม่ได้มีคุณค่าทางโภชนาการดีกว่าพืชผักทั่วไปแต่อย่างใด

ผลที่ตามมาของการใช้อินทรีย์สุดโต่ง ไม่ได้มีแค่นี้…พรุ่งนี้มาว่ากันต่อ

เครดิต: ไทยรัฐ